อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา และยิ่งขับรถอยู่ในเมืองที่ถนนอันตรายเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชียอย่างประเทศไทยด้วยแล้ว ความระมัดระวังเลยเป็นสิ่งที่ต้องมี แล้วเรามาดูกันว่าขับรถในเมืองไทย แต่ไม่ได้ทำประกันรถยนต์เอาไว้ อะไรจะเกิดขึ้นกับคุณบ้าง
WHO ชี้ คนไทยยังขับรถแย่ อุบัติเหตุสูงอันดับ 9 ของโลก
ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้มีการจัดอันดับประเทศที่มีอัตราการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งแน่นอนว่าประเทศไทยของเราติดอันดับไปแบบไม่ต้องสงสัย โดยอันดับอุบัติเหตุในไทย สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 ในเอเชียและอาเซียน เกิดขึ้นเฉลี่ยปีละ 22,491 ราย หรือคิดเป็น 32.7 คนต่อประชากร 1 แสนคน
โดยเรื่องนี้ทางสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ได้พบสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ได้แก่ 1.การชนโดยทั่วไป 2.การชนที่เกิดจากบุคคล เช่น การขับรถเร็ว ขับตัดหน้า ฯลฯ และ 3.จากอุปกรณ์ ที่เกิดจากสภาพรถไม่พร้อมใช้งาน ซึ่งประเด็นทั้งหมดนี้ย้ำว่าผู้ขับขี่ทุกคนไม่ควรเพิกเฉย ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ รวมไปถึงการตรวจเช็คสภาพรถให้พร้อมก่อนใช้งาน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่และป้องกันการสูญเสียทั้งต่อชีวิตคนและทรัพย์สิน

ไม่มีประกันรถยนต์ แล้วขับขี่ในไทยเสี่ยงอะไรบ้าง?
และถึงแม้ว่าคุณจะบอกว่าคุณขับรถด้วยความระมัดระวังมาก ๆ แต่นั่นอาจไม่เพียงพอเมื่อคุณขับรถในไทย ตัวคุณระวัง แต่เพื่อนร่วมทางคนอื่น ๆ ล่ะ เขาจะระวังไปกับคุณไหม? ซึ่งหากถามว่าไม่ทำประกันรถยนต์ได้ไหม คำตอบคือได้ หากเป็นการทำประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ เนื่องจากไม่มีกฎหมายข้อใดบังคับว่าต้องทำ แต่หากเป็นประกันรถยนต์ภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ.รถยนต์ รถยนต์ทุกคันจำเป็นต้องทำประกันประเภทนี้ เพื่อให้ความคุ้มครองในตัวบุคคลที่ได้รับอุบัติเหตุ ในรูปแบบของการชดเชยค่ารักษาพยาบาลตามที่กำหนดนั่นเอง ทีนี้วันนี้เรามาดูกันหน่อยว่าหากคุณไม่มีประกันรถยนต์ สิ่งนี้จะส่งผลกระทบยังไงบ้าง?
ต้องมีสติและขับรถระวังกว่าเดิม
- หลายคนมีความเข้าใจแบบผิด ๆ ว่าตัวเองขับรถมานานหลายปีคงมีความชำนาญมากพอ ขับรถเก่ง มีสติ และระวังได้ดีเกินกว่าจะเกิดอุบัติเหตุได้ แต่ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งอุบัติเหตุอาจมาถึงตัวคุณได้เสมอ ซึ่งความประมาทอาจไม่ได้เกิดมาจากตัวคุณ แต่ผู้ใช้รถคนอื่น ๆ ประมาทขึ้นมา คุณอาจตกกระไดพลอยโจรไปกับเขาได้เช่นกัน
จ่ายค่าเสียหายและค่าซ่อมรถ เสี่ยงหมดตัว
- หากเกิดอุบัติเหตุใด ๆ ขึ้นมา แล้วผลสรุปออกมาว่าคุณ ‘เป็นฝ่ายผิด’ สิ่งที่ตามมาติด ๆ คือการชดเชยความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าจิปาถะที่ฝ่ายตรงข้ามเรียกร้อง (รถคุณก็ต้องซ่อมเหมือนกัน) คุณจะต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินเองทั้งหมด แล้วยิ่งรถคู่กรณีของคุณมีราคาสูงเท่าไหร่ แน่นอนว่าค่าซ่อมก็สูงขึ้นไปเท่านั้น เผลอ ๆ ค่าซ่อมครั้งเดียวสูงกว่าเบี้ยประกันรถยนต์รายปีเสียอีก

เดียวดายแม้ต้องสู้คดีศาล ต้องทำเอง
- หากไม่มีประกันรถยนต์เอาไว้ คุณจะต้องทำเองเริ่มตั้งแต่การเจรจากับคู่กรณี คอยเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ ให้คำแนะนำกับตัวเองในเรื่องต่าง ๆ หรือยิ่งไปกว่านั้นหากเกิดอุบัติแล้วคุณเป็นฝ่ายผิด ถึงขั้นต้องมีการขึ้นศาล คุณก็จะต้องจ่ายเงินและสู้คดีด้วยตัวเอง แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว
น้ำท่วม ไฟไหม้ รถหาย ก็ไม่ได้อะไรคืน
- สิ่งที่ควบคุมยากที่สุดคงเป็นเรื่องภัยธรรมชาติ ฝนตก น้ำท่วมก็ไม่มีอะไรไปหยุดได้ คุณก็จะเหมือนคนที่ทิ้งเงินแสนไปต่อหน้าต่อหน้า จะไปอุ้มรถเก็บเข้าในบ้านก็ทำไม่ได้แน่นอน หากคุณทำประกันเอาไว้อย่างน้อย ๆ ก็ช่วยชดเชยค่าเสียหายในส่วนนี้ให้ได้ ทั้งนี้ยังครอบคลุมไปถึงเหตุไฟไหม้รถและการโจรกรรมรถอีกด้วยนะ
เท่านี้คงจะเห็นได้ชัดแล้วนะว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ารถคุณไม่มีประกัน ยอมเสียเงินทีละเล็กทีละน้อย ยังไงก็ดีกว่าการต้องไปเสียเงินก้อนในอนาคตนะคะ รู้แบบนี้แล้วจะรออะไรรีบไปหาประกันรถยนต์ทำแบบด่วน ๆ แอบกระซิบหน่อยว่าเดี๋ยวนี้มีประกันรถออนไลน์ด้วยนะ ทำง่ายสะดวก เหมาะกับช่วงโควิด